ตะแกรงฉีก
ตะแกรงฉีก นิยมใช้ในอุตสาหกรรม เช่น นำไปปูพื้นทางเดิน เป็นตะแกรงสำหรับระบายน้ำ ทำรั้วหรือนำไปตกแต่ง
ตะแกรงฉีก (Expand Metal Mesh) จัดอยู่ในหมวดหมู่ของเหล็กรูปพรรณ เนื่องจากผ่านกระบวนการแปรรูปและกระบวนการผลิตแบบเฉพาะ คือการนำวัสดุประเภทเหล็ก แสตนเลส หรืออะลูมิเนียมแผ่นเรียบมาเจาะและฉีกให้ยืดออกด้วยเครื่องจักรเฉพาะ ด้วยกรรมวิธีการผลิตดังกล่าว จึงทำให้ตะแกรงชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า ตะแกรงฉีก หรือรู้จักในชื่ออื่น ๆ เช่น เหล็กฉีก ตะแกรงเหล็กฉีก เป็นต้น ตะแกรงฉีก มีลักษณะของรูหรือช่องเหมือนตาข่ายรูปทรงข้าวหลามตัด แต่ยังมีลักษณะเป็นแผ่นเรียบเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ไม่มีร่องรอยของการเชื่อมหรือรอยต่อระหว่างกัน ทําให้มีความแข็งแรงและความทนทานสูง รับน้ําหนักได้มากและไม่บิดงอง่าย จึงเหมาะกับการนำไปใช้ในงานเป็นพื้นทางเดินในโรงงานอุตสาหกรรม หรือตะแกรงระบายน้ำที่สามารถเดินผ่านได้ รวมถึงยังได้รับความนิยมในการนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย
คุณสมบัติของตะแกรงฉีก
- มีความแข็งแรง คงทน สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก ทนการกดทับได้โดยไม่ทําให้เกิดการบิดงอและเสียรูปทรง แต่มีน้ำหนักเบา
- มีอายุการใช้งานยาวนาน ทนต่อสภาพแวดล้อมกลางแจ้งได้
- สามารถนำไปชุบกัลวาไนซ์ เพื่อทนการกัดกร่อนและกันสนิมได้นานขึ้น
- สะดวกในการซ่อมแซม และทําความสะอาดง่าย
- ให้ความปลอดภัย ช่วยป้องกันการลื่นล้ม
- ช่วยประหยัดเวลาในการก่อสร้าง
- ระบายความร้อน และช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี
- มีความสวยงาม โปร่งโล่ง นําไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย
- มีราคาถูก
ขนาดของตะแกรงฉีก
ตะแกรงฉีกมีความหนาของแผ่น และขนาดความกว้างของช่องตาที่ไม่เท่ากัน ซึ่งมีความหนาให้เลือกตั้งแต่ 1.2 , 1.6 , 2.3 , 3.2 , 4.5, 6 มิลลิเมตร โดยทั่วไปขนาดความหนา 1.2 - 3 มิลลิเมตร จะได้รับความนิยมในการใช้งานเป็นอย่างมาก ส่วนตะแกรงฉีกที่มีความหนาตั้งแต่ 4.5 มิลลิเมตร จะใช้กับงานที่ต้องมีการรับน้ำหนักมาก ทั้งนี้ควรจะมีการคำนวณความสามารถในการรับแรงก่อนที่จะนำไปใช้งาน
ประเภทของตะแกรงฉีก
สามารถแบ่งประเภทของตะแกรงฉีกได้ตามวัสดุ ดังนี้
- ตะแกรงฉีกที่ผลิตจากเหล็กแผ่นดํา
เป็นประเภทที่ผลิตจากเหล็กแผ่นดำ เนื้อเกรด SS400 ซึ่งเป็นเหล็กแผ่นดำที่ใช้ในงานโครงสร้างอย่างแพร่หลาย ทำให้มีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน แต่อาจเกิดสนิมได้ง่าย จึงควรใช้งานในพื้นที่ภายในอาคารหรือพื้นที่ที่มีความชื้นน้อย แต่หากต้องการให้มีความสามารถในการทนต่อกัดกร่อนสามารถนำไปชุบสังกะสีหรือกัลวาไนซ์ได้ ตะแกรงฉีกที่ผลิตจากอะลูมิเนียม
ด้วยคุณสมบัติของอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบาแต่ยังมีความแข็งแรงทนทานสูงนั้น ทำให้ตะแกรงฉีกประเภทนี้มีความสวยงามและน้ำหนักเบา จึงเหมาะกับงานตกแต่งทุกชนิด ทําบังตา ตะแกรงล้อมเครื่องจักร หรือใช้กันนกในอาคารที่ต้องการความสวยงาม อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นมากกว่าเหล็ก สามารถนำไปตัดแต่งหรือดัดงอเพื่อการตกแต่งได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการทนการกัดกร่อนและสนิมได้ดีกว่าอีกด้วย
- ตะแกรงฉีกที่ผลิตจากแสตนเลส
มีคุณสมบัติที่มีความคงทนแข็งแรงเช่นเดียวกัน มีน้ำหนักเบากว่าเหล็กธรรมดา และมีความสามารถในการทนต่อการกัดกร่อนและการเกิดสนิมได้ อีกทั้งยังสามารถใช้งานในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงได้ และยังมีลักษณะที่เงางามคล้ายกับอะลูมิเนียม จึงนิยมนำไปใช้เป็นส่วนตกแต่งภายในอาคารอีกด้วย
สามารถแบ่งประเภทจากรูปแบบหรือลักษณะได้ ดังนี้
- ตะแกรงฉีกประเภท XS เป็นกลุ่มที่มีความนิยมในการใช้งานสูง สามารถนำไปใช้งานได้หลายรูปแบบ มีน้ำหนักเบา และมีระยะห่างของช่องตาค่อนข้างเล็ก โดยมีให้เลือกตั้งแต่ 12 - 50 มิลลิเมตร นิยมใช้ในงานกรงหรือรั้วป้องกันสัตว์
- ตะแกรงฉีกประเภท XG เป็นกลุ่มที่มีความนิยมในการใช้งานสูง สามารถนำไปใช้งานได้หลายรูปแบบ มีระยะห่างของช่องตาค่อนข้างเล็ก แต่มีจุดเด่นอยู่ความหนาของตะแกรง ทำให้สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก นิยมใช้ในงานปูพื้น ราวกันตก และงานรั้ว
- ตะแกรงฉีกประเภท G ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างและสวยงามโดดเด่นไปจากตะแกรงประเภทอื่น โดยมีช่องตาเป็นรูปหกเหลี่ยมแบบรังผึ้ง ให้ความรู้โมเดิร์น สามารถนำไปทาสี เพื่อนำไปตกแต่งในสไตล์ลอฟต์ได้ อีกทั้งยังมีความคงทนแข็งแรงสามารถรองรับน้ำหนักได้ดี จึงเหมาะกับการนําไปปูพื้นทางเดิน ทําผนังราวระเบียง ราวกันตก ตลอดจนตกแต่งประตู หน้าต่าง หรือเป็นส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์ได้อีกด้วย
- ตะแกรงฉีกประเภท CT มีขนาดเล็กกว่าตะแกรงฉีกประเภทอื่น ๆ มีขนาดช่องตาที่เล็กกว่าตะแกรงฉีกรุ่นมาตรฐาน และมีความหนาเพียง 6 มิลลิเมตร จึงเหมาะสําหรับใช้กับงานละเอียด และน้ําหนักเบา กรรมวิธีการผลิตจะใช้เหล็กขาว (SPCC) เป็นวัสดุ เหมาะสําหรับการนําไปใช้ เช่น การทําไส้กรอง ช่องระบายอากาศ หม้อกรอง หรือเป็นตะแกรงกั้นจ๊อยต์สําหรับงานฉาบปูนเพื่อป้องกันแตกร้าว เป็นต้น
- ตะแกรงฉีกประเภท S มีลักษณะที่ผลิตขึ้นแบบลวดลายพิเศษ เช่น ช่องตารูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดผสมกับช่องตารูปหกเหลี่ยมแนวยาว หรือการเน้นทำขอบมนและซ้อนกันจนมีลักษณะคล้ายคลื่น หรือการทำให้มีความโค้งมนของขอบ ทําให้ดูนุ่มนวลมากกว่า เป็นต้น จึงนิยมนำไปใช้ในงานตกแต่งอาคาร ไม่ว่าจะเป็น การทําเหล็กดัดประตู หน้าต่าง ทําลูกกรง แผงกั้น หรือติดตั้งเป็นฝ้า หรือราวระเบียง
- ตะแกรงฉีกประเภท YC มีช่องตาลักษณะพิเศษที่เล็กกว่า คล้ายกับตะแกรงฉีกประเภท CT แต่จะผลิตจากวัสดุเหล็กขาว (SPCC), อะลูมิเนียม (AL), และสแตนเลส (SUS304) ซึ่งจะมีความแตกต่างกันที่ขนาดความหนาและขนาดของช่องตา มีขนาดมาตรฐานอยู่ที่ 4x8 ฟุต นิยมใช้ในการทําไส้กรอง ช่องระบายอากาศ ตะกร้าจักรยาน ตะกร้าวางสินค้า ฝ้าเพดาน กระจังหน้ารถกันหินหรือแมลง
การนำตะแกรงฉีกไปใช้งานอื่นๆ
- การนำไปใช้ปูพื้นทางเดินโรงงาน หรือเป็นสะพานจากตะแกรงเหล็กฉีก
- การนำใช้ในงานตกแต่งอาคารดูเรียบง่ายและทันสมัยมากขึ้น เช่น ประตู, ราวกันตก, งานผนัง, งานระแนง เป็นต้น
- การนำไปใช้ใช้สําหรับทําตะแกรงกันนก กันหนู กันสัตว์ กรงล้อมเขตอันตราย
- การนำไปใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง เช่น ที่นั่ง มุมพักผ่อน
- การนำไปใช้เป็นฝาท่อหรือช่องระบายน้ํา
- การนำไปใช้เป็นโครงรองพื้นเพื่อเทปูนในการก่อสร้าง หรือพื้นที่ไม่ต้องรับน้ําหนักมาก
- การนำไปใช้ในด้านอุตสาหกรรม เป็นกรงล้อมรอบเครื่องจักร
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกตะแกรงฉีก
- พิจารณาตะแกรงฉีกจากจุดประสงค์ในการใช้งาน เพื่อเลือกประเภทและขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน
- ตะแกรงฉีกต้องผลิตได้มาตรฐาน ผลิตจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ หรือมีเครื่องหมายการค้าชัดเจน
- ลักษณะของตะแกรงฉีกต้องมีขนาดความหนาเท่ากัน และมีความกว้างได้ตามที่ระบุเอาไว้
- ลักษณะของตะแกรงฉีกต้องมีความสมบูรณ์ ไม่หักหรืองอ และไม่เกิดสนิม
- ตะแกรงฉีกที่นำไปใช้ในการรับน้ำหนัก ต้องมีการคำนวณการกดทับหรือการรับแรงได้ตามหลักวิศวกรรม