เช็กปัจจัย ราคาเหล็ก ขึ้นอยู่กับอะไร?

เช็กปัจจัย ราคาเหล็ก ขึ้นอยู่กับอะไร?

เข้าใจกลไกในการปรับราคาของเหล็ก จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่ต้องใช้งานเหล็กในส่วนต่าง ๆ
สามารถวางแผน แก้ไข แล้วปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม

 

ราคาเหล็ก

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เหล็ก ยังคงเป็นวัสดุที่เป็นที่ต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง หรืองานสถาปัตยกรรมออกแบบสิ่งปลูกสร้าง ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ยังคงมีการนิยมใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบ เพราะสามารถรองรับน้ำหนักได้ดี และมีคุณสมบัติการใช้งานตลอดจนดีไซน์รูปแบบต่าง ๆ ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาจนตอบโจทย์ความต้องการใช้งานที่หลากหลาย

แต่คุณทราบหรือไม่ว่าในการซื้อ-ขายเหล็ก ในส่วนของ ราคาเหล็ก นั้นมีการปรับเปลี่ยนขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเหล็กจัดเป็นหนึ่งใน Commodity Product ซึ่งก็คือสินค้าโภคภัณฑ์ หรือสินค้าที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก โดยจัดอยู่ในกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม (Industrial Metals) และราคาเหล็กจะมีความผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก ไม่ต่างจากน้ำมัน หรือทองคำเลยทีเดียว โดยมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดราคาเหล็กในบ้านเราและทั่วโลกที่น่ารู้และสามารถทำความเข้าใจ เพื่อนำไปใช้ในการตรวจสอบและเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจก่อนที่จะซื้อเหล็กในแต่ละช่วงได้อย่างคุ้มค่า ซึ่ง ไวต้า ธานี รวบรวมข้อมูลมาฝากในบทความนี้แล้ว


ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเหล็ก

1. การปรับราคาเหล็กตามราคาในตลาดโลก
ปัจจัยแรกและเป็นสิ่งสำคัญเกี่ยวกับราคาเหล็กนั่นก็คือ ราคากลางจากตลาดโลก ดังที่แจ้งข้างต้นแล้วว่า เหล็กนั้นเป็น Commodity Product และอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญนั่นก็คือ เนื่องจากประเทศเราไม่สามารถเป็นแหล่งต้นน้ำที่ผลิตแร่เหล็กเป็นหลักในปริมาณมากได้โดยตรง จึงต้องอาศัยการนำเข้าเหล็กมาจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น หากราคาเหล็กซึ่่งอิงจากราคากลางในตลาดโลกมีการเพิ่มสูงขึ้น ราคาเหล็กในบ้านเราก็จะสูงตามไปด้วย


2. ราคาเหล็กปรับตามอุปสงค์และอุปทานในระบบเศรษฐกิจ
อีกหนึ่งสิ่งที่มีผลกระทบต่อราคาเหล็กนอกเหนือจากราคากลางในตลาดโลกแล้ว ราคาเหล็กในบ้านเราอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามอุปสงค์และอุปทานตามเศรษฐกิจในภาพใหญ่ของประเทศแต่ละช่วง เช่น หากในขณะนั้นธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวมากขึ้น ความต้องการใช้เหล็กในการก่อสร้างบ้าน คอนโดมิเนียม หรือที่อยู่อาศัยล้วนต้องเพิ่มตามไปด้วย หรืออุตสาหกรรมที่ต้องการใช้เหล็กจำพวกยานยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการเติบโตมากขึ้น ความต้องการเหล็กก็จะเพิ่มสูงขึ้นตาม เป็นต้น และแน่นอนว่าสาเหตุเหล่านี้ก็จะทำให้ราคาเหล็กนั้นถูกปรับสูงขึ้น ซึ่งเป็นปกติของกลไกตลาดซื้อ-ขายสินค้าทั่วไปอยู่แล้ว


3. ความเพียงพอของวัตถุดิบและราคาพลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้ในอุตสาหกรรมเหล็ก
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เชื้อเพลิง คือพลังงานพื้นฐานสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนของทุกอุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มโลหะอุตสาหกรรม ที่มีเหล็กเป็นหนึ่งในองค์ประกอบด้วยนั้น หากในช่วงใดที่เกิดภาวะขาดแคลนพลังงานเชื้อเพลิงบางประเภท อย่างเช่น ถ่านหิน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการใช้ถลุงแร่และหลอมเหล็ก รวมถึงการผลิตไฟฟ้าซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ในการแปรรูปเหล็กด้วยแล้ว ก็จะทำให้ต้นทุนในการผลิตเหล็กนั้นสูงขึ้นได้

และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ก็คือ ราคาน้ำมัน ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการขนส่งเหล็กไปยังที่ต่าง ๆ ในแต่ละขั้นตอน หรือแม้กระทั่งราคาของวัตถุดิบอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้ในกระบวนการผลิตและแปรรูปเหล็ก ให้ออกมาเป็นเหล็กรูปแบบต่าง ๆ เช่น อลูมิเนียม สแตนเลส เป็นต้น หากวัตถุดิบเหล่านี้ขึ้นราคา ก็จะส่งผลต่อราคาเหล็กให้ปรับตัวสูงขึ้นอีกเช่นกัน


4. ราคาเหล็กขึ้นอยู่กับปัญหาของผู้ผลิตและการส่งออก
ในหลายครั้งที่เกิดปัญหาขึ้นในฝั่งของผู้ผลิตโลหะจนมีผลกระทบกับราคาเหล็ก ตัวอย่างเช่น สภาพอากาศแปรปรวน การเกิดภัยธรรมชาติ ไปจนถึงการเกิดปัญหาทางด้านการเมือง การประท้วง ที่เป็นอุปสรรคในการผลิตและแปรรูปเหล็กต้องชะลอหรือชะงักลง และส่งผลให้สินค้าเหล็กขาดตลาด จนมีผลกระทบต่อราคาเหล็กตามมา

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อราคาเหล็กได้ โดยเฉพาะผู้ผลิตเหล็กและโลหะที่มีสิทธิ์ผูกขาดในการจำหน่ายสินค้าเหล็กในบางพื้นที่ จะสามารถตั้งราคาเหล็กที่เสนอขายได้อย่างอิสระ จนบางครั้งทำให้ราคาสูงมากขึ้น ตลอดจนเมื่อมีการส่งออกเหล็กไปจำหน่ายแล้ว ผู้บริโภคที่เป็นพ่อค้าคนกลางซึ่งรับซื้อไว้ก็อาจมีการการกักตุนสินค้าเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่สินค้าเหล็กขาดแคลนหรือเป็นที่ต้องการของตลาดส่วนใหญ่ ก็จะยิ่งทำให้ราคาเหล็กทะยานสูงอย่างเลี่ยงไม่ได้

5. ผลกระทบของราคาเหล็กจากมาตรการด้านการผลิตและการส่งออกเหล็กของประเทศจีน
แม้ว่าทั่วโลกจะมีผู้ผลิตเหล็กและโลหะมากมายหลายเจ้า แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประเทศผู้ผลิตเหล็กที่มีอิทธิพลต่อราคาเหล็กทั้งในภาคพื้นเอเชีย และอาจส่งผลกระทบไปทั่วโลกได้ก็คือ ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลมากเกี่ยวกับโลหะแทบทุกชนิด เพราะจีนเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรรวมถึงมีศักยภาพในการผลิตอย่างมหาศาล ซึ่งเหล็กก็เป็นหนึ่งในนั้น รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนในการโรงงานผลิตเหล็ก จนเหล็กกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความมั่นคงของจีน โดยประเทศจีนยังเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ซึ่งมีสิทธิ์อย่างมากในการกำหนดราคาเหล็ก

ซึ่งล่าสุดในปี 2564 ที่ผ่านมานั้น ราคาเหล็กมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก อันเนื่องมาจากการเกิดการระบาดของไวรัส covid 19 ทำให้โรงงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเหล็กในจีนต้องปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก เพื่อควบคุมการระบาดของโรคดังกล่าว จนทำให้การผลิตเหล็กทำได้น้อยลง

และแม้ว่าในปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโรคโควิต 19 จะเริ่มคลี่คลายแล้ว และทำให้การดำเนินการทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ทำให้การใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบในด้านการผลิตต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงทางการของประเทศจีนยังมีการสั่งปิดโรงงานผลิตเหล็กและโละหะที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ร่วมกับการลดกำลังการผลิตและการใช้พลังงานในประเทศเป็นบางช่วงด้วย เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ให้เกินเกณฑ์ที่จะทำลายสภาพภูมิอากาศตามเป้าหมายของการรักษาสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสัญญาณเตือนอีกครั้งว่าเหล็กและโลหะอื่น ๆ ที่ผลิตและส่งออกจากจีนนั้นกำลังลดน้อยลงหรืออาจขาดตลาดในบางช่วง และแน่นอนว่าราคาเหล็กนั้นจะพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่งอีกครั้งก็เป็นได้

ทิศทางของราคาเหล็ก

สำหรับในอนาคตอันใกล้นี้ มีการคาดการณ์กันว่า ราคาเหล็กหลังจากนี้ก็ยังคงมีความผันผวนขึ้นลงอยู่ แม้ว่าราคาแร่เหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในตลาดโลกจะมีการปรับตัวลดลงบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านนั้น แต่ด้วยปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นองค์ประกอบในการแปรรูปเหล็กแล้ว ก็ยังคงทำให้ราคาเหล็กมีแนวโน้มทิศทางราคาที่พุ่งสูงขึ้น ตามปริมาณความต้องการในการใช้เหล็กทั้งของภาครัฐและเอกชนที่มากขึ้น เพื่อให้รองรับกับการปรับตัวและฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ หลังจากที่ซบเซาในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 มายาวนานกว่า 2 ปี

ตลอดจนมีตัวแปรอื่น ๆ ที่จะดันให้ต้นทุนของราคาเหล็กแพงขึ้น ทั้งต้นทุนด้านการขนส่งที่เพิ่มขึ้น และมีปัญหาด้านการขนส่งที่มีความล่าช้าเข้ามาร่วม การขาดแคลนชิ้นส่วนในภาคการผลิต ปัญหาค่าเงินเฟ้อ รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบในสังคมรอบโลกที่ยังคงตึงเครียด ก็ล้วนมีผลกระทบให้ราคาเหล็กมีการปรับตัวขึ้นหรือลงได้นั่นเอง

การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาเหล็กนั้น ย่อมมีผลกระทบต่อต้นทุนในการผลิตและใช้งานเหล็กในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากธุรกิจหรือผู้บริโภคเข้าใจกลไกในการปรับราคาของเหล็กแล้ว อย่างน้อยก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่ต้องใช้งานเหล็กในส่วนต่าง ๆ สามารถวางแผน แก้ไข แล้วปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคที่สนใจจะซื้อเหล็กประเภทต่าง ๆ ก็สามารถตรวจสอบราคาเหล็กที่เป็นราคากลางในตลาดโลกได้อย่างสะดวกขึ้น ผ่านหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่มีผู้ให้บริการต่าง ๆ จากทุกที่ ทุกเวลา

และที่บริษัท ไวต้า ธานี จำกัด เราคือตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเหล็กหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เหล็กเส้น เหล็กรูปพรรณ เหล็กโครงสร้าง ตะแกรงเหล็ก และวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ที่มีการคัดสรรคุณภาพมาเป็นอย่างดี ให้คุณได้สินค้าที่มีมาตรฐาน มอก. ในประเภทที่ตรงต่อความต้องการใช้งาน ในเรตราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด


สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท ไวต้า ธานี จำกัด
Tel : 094-4122337 (สายด่วน)
E-mail : vita.steel18@gmail.com
LINE : https://line.me/ti/p/%40edo4950u
Facebook : บจก.ไวต้า ธานี